ไหว้พระ
หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์
วิหารหลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ ตั้งอยู่ ณ บริเวณ ริมคลองระพีพัฒน์ อ.หนองแค จ.สระบุรี เป็นวิหารจตุรมุขขนาดใหญ่ สวยงาม ซึ่งเกิดจากการร่วมมือร่วมใจของผู้ที่ศรัทธา ระดมทุน ทำบุญกองผ้าป่า นำเงินมา จัดสร้าง เพื่อเป็นที่สักการะกราบไหว้ ของสาธุชนทั่วไป ริมน้ำมีแพท่าน้ำ สำหรับให้ผู้มาสักการะได้มีโอกาส ทำบุญ ทำทาน อาหารปลา ซึ่งคลองแห่งนี้อุดมสมบูรณ์ ไปด้วยปลาหลากหลายชนิด
คลองระพีพัฒน์แห่งนี้ขุดขึ้นมาตั้งแต่ครั้งสมัยพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 ทรงวางรากฐานในการ ขุดคลองระบายน้ำแยกจากแม่น้ำป่าสักที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สู่ทุ่งรังสิต คลองแห่งนี้นอกจากจะนำมาซึ่ง ความอุดมสมบูรณ์ หล่อเลี้ยงทุกชีวิตในน้ำ ริมน้ำ และบนน้ำแล้วยังเป็นสถานที่สำคัญสำหรับผู้คน ริมคลองระพีพัฒน์ ในอำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรีมากมาย การนำน้ำไปใช้ในการเกษตรซึ่งจะสามารถ เห็นได้จากตลอดระยะทาง จะมีแปลงนา แปลงสวนผัก ตลอดจนผักผลไม้ในครัวเรือน ที่ยังคงใช้น้ำในคลองแห่งนี้ วิถีชีวิตผู้คนที่ยังดำรงชีพ ด้วยการจับปลาริมน้ำ และปัจจุบันเอื้อให้เกิดการหลั่งไหลของนักท่องเที่ยวที่มาร่วมชม การแข่งขันเรือยาวประเพณี ชิงถ้วยพระราชทานสนามคลองระพีพัฒน์ อ.หนองแค จ.สระบุรี จัดเป็นประจำทุกปี ช่วงระหว่างเดือนกันยายน-เดือนตุลาคม ร่องน้ำเพื่อการแข่งขันแห่งนี้นักท่องเที่ยวจะสามารถเห็นการแข่งขันเรือยาว ที่สนุกสนาน และชมได้อย่าง ใกล้ชิดกว่าลุ่มน้ำไหนๆ ในประเทศ
วัดหน้าเมรุ
โบราณสถาน วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์)
วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ที่ปากถ้ำมีอักษรมอญโบราณ (ปัลลวะ) ซึ่งเป็นแบบอักษรของชาวอินเดียฝ่ายใต้ ปรากฎมีในภาคกลาง และภาคใต้ของประเทศไทยในสมัยก่อนสุโขทัย จนวิวัฒนาการมาเป็นอักษรขอมและ มอญโบราณ ซึ่งพ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรง นำมาดัดแปลงประดิษฐ์เป็นต้นกำเนิดอักษรไทย จนถึงทุกวันนี้อักษรจารึกถ้ำนารายณ์ มีข้อความ ๓ บรรทัด ถูกจารึกในสมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๒ (ยุคทวาราวดี) ในยุคนั้น ชนชาติมอญมีอำนาจรุ่งเรือง อักษรจารึก เขียนเป็นคำบอกร้อยแก้ว กรมศิลปากรแปลไว้ว่า “กัณทราชัย ผู้ตั้งแคว้นอนุราธปุระ ได้มอบให้พ่อลุงสินาธะ เป็นตัวแทนพร้อมกับชาวเมือง (อนุราธปุระ) จัดพิธีร้องรำ เพื่อเฉลิมฉลอง(สิ่ง)ซึ่งประดิษฐานไว้แล้วข้างในนี้”
(อ้างอิงจาก เทิม มีเต็ม และจำปา เยื้องเจริญ กองหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร ‘จารึกบนผนังปากถ้ำนารายณ์’ ในวารสารศิลปากร หน้า ๕๓-๕๗ ม.ป.ป.)
จารึกนี้บอกให้ทราบว่า ท้องถิ่นแถบนี้มีผู้คนอาศัยอยู่เป็นเวลานาน และอาจจะเคยเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง มาก่อน ซึ่งคำว่า ‘อนุราธปุระ’ เป็นชื่อเมืองโบราณในประเทศศรีลังกา ซึ่งเป็นเกาะทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย และอาจจะแสดงว่าชาวลังกากับคนท้องถิ่นนี้ (มอญโบราณ) มีการติดต่อสัมพันธ์กัน จึงมีการอ้างชื่อเมือง เพื่อกำหนดให้ระลึกถึงกัน พร้อมทั้งจารึกอักษรไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้เปรียบเทียบศึกษาจากบันทึกในพงศาวดาร หลายฉบับระบุว่า ในสมัยอาณาจักรสุโขทัย และกรุงศรีอยุธยา รัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม (พ.ศ.๒๑๖๓-๒๑๗๑) เคยมีปรากฏคณะสงฆ์ไทยเดินทางไปเมืองลังกาเพื่อนมัสการรอยพระพุทธบาทที่เขาสุมนกูฏ แต่ พระภิกษุลังกาได้บอกว่ามีรอยพระพุทธบาทในประเทศไทยที่เขาสุวรรณบรรพต และเกิดการค้นพบรอยพระพุทธบาทบริเวณเทือกเขานี้ในเวลาต่อมา หรืออาจจะหมายถึงการแลก เปลี่ยนวัฒนธรรมพระพุทธศาสนาลังกาวงศ์ และสยามวงศ์ตามที่ปรากฏในพงศาวดารของชาติไทยเราด้วย ก็อาจจะเป็นได้
สถานที่แห่งนี้ เป็นศาสนสถานมาเป็นเวลายาวนาน สืบความไปถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เสด็จจากวังนารายณ์ เมืองละโว้(ลพบุรี) ไปว่าราชการ ณ กรุงศรีอยุธยา ทรงผ่านประทับแรม ณ ถ้ำนารายณ์ ...และสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมซึ่งเสด็จนมัสการรอยพระพุทธบาท ก็ได้เสด็จประทับพักแรมในถ้ำนารายณ์ ซึ่งมีอากาศเย็นสบายตลอดปี และจากจารึกอักษรผนังปากถ้ำก็ปรากฏหลักฐานว่าถ้ำนี้ได้เคยเป็นที่บำเพ็ญกุศล มาตั้งแต่สมัยอนุราธปุระ เมื่อกว่า ๑,๒๐๐ ปีมาแล้ว ผ่านความรุ่งเรืองและเสื่อมโทรม และฟื้นฟูขึ้นเป็นวัดตามประเพณีการปกครองแผ่นดินและการสืบพระพุทธศาสนา ดังกล่าวข้างต้น
ปัจจุบันนี้ โดยการนำของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) และพระธรรมสิทธินายก (ธงชัย สุขญาโณ) แห่งวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร วัดเขาวง ได้พัฒนาขึ้นมาสู่สภาพวัดพัฒนาตัวอย่างที่มีผลงานดีเด่น ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนของกรมศิลปากรแล้วเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๕ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙ ตอนพิเศษ ๑๑๙ ง และยังเป็นแหล่งพันธุ์ไม้และสัตว์หาดูยาก คือโมกราชินี (Wrightia SIRIKITIAE D.J. Middleton&Santisuk) จันผา, นกหัวจุก, กระรอกเผือก ฯลฯ เพื่อรักษาไว้เป็นมรดกวัฒนธรรมศาสนาของชาติไทยสืบไป
วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) เป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดสระบุรี และปฏิบัติกรรมฐานตามสาย พระเดชพระคุณพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) มีหลักเจริญภาวนา มหาสติปัฏฐานสูตร รับผู้เข้าพัก ปฏิบัติธรรมตลอดทั้งปี ตามระเบียบและจารีตของสำนัก
วัดขอนชะโงก
วัดขอนชะโงก ตั้งอยู่เลขที่ ๑ หมู่ ๑๐ บ้านขอนชะโงก ต.คชสิทธิ์ อ.หนองแค จ.สระบุรี สังกัด มหานิกาย อาณาเขต ทิศเหนือ จดโรงเรียนวัดขอนชะโงก ทิศใต้ จดทางสาธารณะ ทิศตะวันออก จดที่ดินเอกชน ทิศตะวันตก จดถนนสุวรรณศร มีวิหารหลวงพ่อพระพุทธรูปหินทรายสมัยอยุธยา มีเจดีย์ลักษณะเดียวกับพระธาตุพนม จังหวัดนครพนม ฐานกว้าง ๘ เมตร สูง ๑๒ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๙
วัดขอนชะโงก ตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๐ ตามความเป็นมาจากผู้ที่อยู่แห่งนี้มาได้เล่าให้ลูกหลานฟังว่าเมื่อประมาณในปลายรัชกาลที่ี ๒ บริเวณที่ตั้งวัดนี้เป็นป่า มีต้นไม้ใหญ่น้อยและเป็นที่อยู่ของสัตว์ มีผู้คนเริ่มเข้ามาอาศัยปลูกบ้านเนื่องจากแหล่งน้ำที่เป็นหนองและมีต้นไม้ประดู่ใหญ่ต้นเอนเป็นแนว ๔๕ องศา ชาวบ้านชอบขึ้นไปเล่นและไปมองทิวทัศน์ของป่าในป่าหมู่บ้านและหนีสัตว์ป่าจึงเรียกต้นไม้นี้ว่า "ขอนชะโงก"คนบ้านอื่นๆก็เรียกขานหมู่บ้านนี้ตามจุดเด่นของต้นไม้ เมื่อมีคนมาอยู่มากเข้า จึงก่อสร้างวัดโดยการนำของ พ่อเฒ่านำ แม่เฒ่าจ้อย พ่อเฒ่ากันแล้วไปอาราธนาพระสงฆ์จากภาคอีสานและพระสงฆ์จากภาคอีสานมาจำพรรษาที่ีวัดนี้ จึงได้ตั้งชื่อวัดนี้ตามหมู่บ้านตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
วัดขอนชะโงก ตั้งอยู่เลขที่ ๑ หมู่ ๑๐ บ้านขอนชะโงก ต.คชสิทธิ์ อ.หนองแค จ.สระบุรี สังกัด มหานิกาย อาณาเขต ทิศเหนือ จดโรงเรียนวัดขอนชะโงก ทิศใต้ จดทางสาธารณะ ทิศตะวันออก จดที่ดินเอกชน ทิศตะวันตก จดถนนสุวรรณศร มีวิหารหลวงพ่อพระพุทธรูปหินทรายสมัยอยุธยา มีเจดีย์ลักษณะเดียวกับพระธาตุพนม จังหวัดนครพนม ฐานกว้าง ๘ เมตร สูง ๑๒ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๙
วัดขอนชะโงก ตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๐ ตามความเป็นมาจากผู้ที่อยู่แห่งนี้มาได้เล่าให้ลูกหลานฟังว่าเมื่อประมาณในปลายรัชกาลที่ี ๒ บริเวณที่ตั้งวัดนี้เป็นป่า มีต้นไม้ใหญ่น้อยและเป็นที่อยู่ของสัตว์ มีผู้คนเริ่มเข้ามาอาศัยปลูกบ้านเนื่องจากแหล่งน้ำที่เป็นหนองและมีต้นไม้ประดู่ใหญ่ต้นเอนเป็นแนว ๔๕ องศา ชาวบ้านชอบขึ้นไปเล่นและไปมองทิวทัศน์ของป่าในป่าหมู่บ้านและหนีสัตว์ป่าจึงเรียกต้นไม้นี้ว่า "ขอนชะโงก"คนบ้านอื่นๆก็เรียกขานหมู่บ้านนี้ตามจุดเด่นของต้นไม้ เมื่อมีคนมาอยู่มากเข้า จึงก่อสร้างวัดโดยการนำของ พ่อเฒ่านำ แม่เฒ่าจ้อย พ่อเฒ่ากันแล้วไปอาราธนาพระสงฆ์จากภาคอีสานและพระสงฆ์จากภาคอีสานมาจำพรรษาที่ีวัดนี้ จึงได้ตั้งชื่อวัดนี้ตามหมู่บ้านตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น